Webroot SecureAnywhere Business Endpoint Protection โปรแกรมสแกนและป้องกันไวรัส ที่มาในรูปแบบโซลูชั่น สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ทำงานบน ระบบปฏิบัติการ Windows และเครื่องเซิร์ฟเวอร์แบบ เวอร์ชวลไลเซชั่น (Virtualization) เป็นระบบป้องกันภัยคุกคามในรูปแบบ แอปพลิเคชันบนคลาวด์ (Cloud-based Application) ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบ Endpoint Protection
มันจะช่วยให้คุณสามารถ ปกป้องเครื่องของคุณได้อย่างดีเยี่ยมจากภัยคุกคามที่หลากหลาย อาทิ ไวรัส (Virus) มัลแวร์ (Malware) ม้าโทรจัน (Trojan) การล่อลวง (Phishing) มัลแวร์เรียกค่าไถ่ (Ransomware) สปายวแวร์ (Spyware) การโจมตีผ่านเว็บเบราว์เซอร์ (Browser-based Attacks) มัลแวร์ขุดบิตคอยน์ (Cryptojacking) ด้วยการทำงานแบบ Cloud based 100% จึงทำให้การทำงานของ Webroot เบาและเร็ว แตกต่างจาก Antivirus แบบอื่น ที่เป็น Signature Based
นอกจากนี้แล้ว เมื่อ Webroot SecureAnywhere Business Endpoint Protection ตรวจจับ หรือตรวจพบไฟล์หรือ โพรเซสใหม่ที่ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นภัยคุกคาม Agent ที่ติดตั้งบนอุปกรณ์จะติดตาม และบันทึกการทำงานอย่างใกล้ชิดเพื่อคอยตรวจสอบสิ่งผิดปกติ ถ้าพบว่าไฟล์หรือโพรเซสดังกล่าวมีพฤติกรรมเป็นมัลแวร์ Agent ก็จะกำจัดมัลแวร์ทิ้งและย้อนการเปลี่ยนแปลงของระบบที่เกี่ยวข้องให้กลับไปอยู่ในสถานะก่อนที่จะติดมัลแวร์
โปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่ทรงพลัง และใช้เวลาเพียง 30 วินาทีในการติดตั้งโปรแกรม Agent ของ Webroot ลงในเครื่อง และสามารถทำงานร่วมกับโปรแกรมแอนตี้ไวรัสตัวอื่นๆ ที่มีติดตั้งอยู่ในเครื่องได้อย่างราบรื่น ทำให้มีความคล่องตัวทั้งในการทดลองใช้งาน การติดตั้งใหม่ หรือแม้แต่การติดตั้งทดแทนโปรแกรมแอนตี้ไวรัสตัวเดิม ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าการติดตั้งโปรแกรมแอนตี้ไวรัสตัวใหม่จะส่งผลกระทบกับการทำงานของพนักงาน
จัดการความปลอดภัยให้กับคอมพิวเตอร์ และเซิร์ฟเวอร์ทุกเครื่องในองค์กรด้วยการควบคุมจากส่วนกลางผ่าน Management Console ที่เปิดโอกาสให้ผู้ดูแลระบบสามารถตรวจสอบสถานะ และควบคุมอุปกรณ์ใดๆ ก็ตามที่มีโปรแกรม Agent ติดตั้งอยู่ ผู้ดูแลระบบยังสามารถจัดการเรื่องความปลอดภัยให้กับอุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่ในสาขาต่างๆ ของธุรกิจได้ด้วย สามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงที่แตกต่างกันให้กับผู้ดูแลระบบแต่ละคนได้
Webroot SecureAnywhere Business Endpoint Protection ได้ถูกออกแบบมาให้ง่ายทั้งการติดตั้ง การจัดการ และการดูแลรักษา และมีการปรับตั้งนโยบายด้านความปลอดภัยให้เลือกใช้ หรือจะกำหนดนโยบายด้านความปลอดภัยในแบบเฉพาะสำหรับธุรกิจของเราเองก็ได้ และไม่ต้องยุ่งยากกับการอัปเดตฐานข้อมูลไวรัส และการปกป้องทั้งหมดเกิดในแบบเรียลไทม์
ด้วยการทำงานบนระบบคลาวด์สมบูรณ์แบบ โดยที่ผู้ดูแลระบบสามารถจัดการเรื่องการอัปเดตโปรแกรม Agent ที่ติดตั้งอยู่ในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ขององค์กรได้โดยใช้เวลาเพียง 5 วินาที และมีการแจ้งเตือนเรื่องความปลอดภัย รวมถึงมีการแสดงรายงานสรุปด้านความปลอดภัยให้กับผู้ดูแลระบบอย่างเหมาะสม
Webroot ใช้เทคโลยีที่เหมาะสมในการเฝ้าระวัง และรับมือกับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้ แม้ในขณะที่คอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์นั้นๆ อยู่ในสภาวะออฟไลน์ (Offline) และมีการลดระดับการตรวจจับภัยคุกคามที่ผิดพลาด (False Detections) ให้เหลือในระดับต่ำที่สุด
และแทนที่จะใช้การสำรองข้อมูล (Backup) สำคัญด้วยการทำสำเนาไฟล์แบบดั่งเดิม ที่เสี่ยงต่อการโจมตีของมัลแวร์ แต่ Webroot นั้นจะใช้เทคโนโลยีที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ ที่ช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับไฟล์ข้อมูลสำคัญ หรือไฟล์ของระบบ ทำให้ไฟล์ข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่ได้รับการปกป้อง นั้นสามารถเรียกคืนสู่สภาวะปลอดภัย ได้โดยที่ไม่ต้องใช้วิธีการเรียกคืนในแบบดั่งเดิม
จุดเด่นของระบบรักษาความปลอดภัยที่ทำงานบนคลาวด์คือ กระบวนการประมวลผลอันหนักหน่วงที่เกี่ยวกับการค้นพบ และตรวจจับภัยคุกคามด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ นั้นทำงานบนระบบคลาวด์สมบูรณ์แบบ ไม่ได้เกิดขึ้นในเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือเซิร์ฟเวอร์ของเรา นั้นหมายความว่าการสแกนเครื่องตามวงรอบการทำงาน การอัปเดตโปรแกรม Agent รวมถึงการใช้ CPU หรือหน่วยความจำ RAM ในเครื่องนั้นจะเกิดขึ้นในระดับที่ต่ำมากๆ ทำให้ไม่หน่วงเครื่อง ในขณะเดียวกัน ผู้ใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ ยังได้รับการแจ้งเตือนอย่างเหมาะสมเมื่อจะเข้าถึงเว็บไซต์ที่มีภัยคุกคามแฝงอยู่
ในขณะที่โปรแกรมแอนตี้ไวรัสทั่วไป มักจะมีโอกาสแค่เพียงครั้งเดียวในการตรวจจับและยับยั้งการโจมตีของภัยคุกคาม แต่ Webroot มีกระบวนการทำงานในหลายขั้นตอน โดยในขั้นแรก มันจะป้องกันไม่ให้ภัยคุกคามเล็ดลอดเข้ามาในระบบ แต่ถ้าเล็ดลอดเข้ามาได้ Webroot ก็สามารถยับยั้งมันได้ก่อนที่จะสร้างความเสียหาย และหากในกรณีที่ภัยคุกคามนั้นสามารถสร้างความเสียหายได้ (ซึ่งอาจจะเป็นภัยคุกคามตัวใหม่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมาก่อน) Webroot จะทำการตรวจสอบว่ามันได้สร้างความเสียหายกับไฟล์ไหนบ้าง และจัดการซ่อมแซมความเสียหาย โดยที่ระบบจะทำความรู้จักกับภัยคุกคามตัวใหม่ เพื่อที่จะหาวิธีจัดการอย่างเหมาะสมต่อไป
เบื้องหลังการปกป้องระดับสูงคือฐานข้อมูลด้านความปลอดภัย ที่ทำงานร่วมกับบริการ BrightCloud ซึ่งเป็นระบบป้องกันภัยคุกคามที่ได้รับการยอมรับโดยบริษัทผู้ให้บริการด้านความปลอดภัยบนระบบเครือข่ายเกินกว่า 85 ราย โดยที่ทาง Webroot ได้ใช้ระบบสมองกลปัญญาประดิษฐ์ในการจัดแบ่งประเภทของภัยคุกคามมาตั้งแต่ปี 2007
Google Chrome 11 and newer , Internet Explorer version 11 and newer (Windows XP IE8) , Microsoft Edge (partial support) , Mozilla Firefox version 3.6 and newer , Safari 5 and newer , Opera 11 and newer